เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 เพจ TechHangout ได้โพสต์ข้อความระบุว่า งานวิจัยใหม่เผยว่าการใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine learning) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI สามารถทำนายความเป็นไปได้ของการเสียชีวิตของบุคคลหนึ่งได้อย่างแม่นยำเกือบ 80% จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือ "ขนาดมหาศาล" ของข้อมูล โดยนักวิจัยรวบรวมข้อมูลชีวิตประจำวัน 10 ปี ของประชากรกว่า 6 ล้านคนในเดนมาร์ก ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ประวัติสุขภาพ เงินเดือน ชั่วโมงทำงาน ที่อยู่อาศัย ฯลฯ
จากข้อมูลเหล่านี้ นักวิจัยสร้างโมเดล Deep Learning ที่เรียกว่า "life2vec" ขึ้นมา ทีมวิจัยใช้ life2vec ทดสอบกับข้อมูลย่อยหนึ่งชุด เพื่อคาดการณ์ว่าบุคคลนั้นจะเสียชีวิตภายใน 4 ปีหลังปี 2016 หรือไม่ (นักวิจัยรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่ life2vec ไม่รู้) เพื่อวัดความแม่นยำของ life2vec ทีมวิจัยคัดเลือก 100,000 คน โดยมีคนครึ่งหนึ่งรอดชีวิต อีกครึ่งหนึ่งเสียชีวิต โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มอายุ 30-55 ปี ช่วงที่การคาดการณ์การเสียชีวิตค่อนข้างยาก
ผลลัพธ์: life2vec ทายถูกถึง 78% พบว่าบุคคลที่มีรายได้สูงหรืออยู่ในตำแหน่งผู้จัดการมีแนวโน้มอยู่รอดมากกว่า ส่วนผู้ชาย คนทำงานทักษะเฉพาะ และคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต มีแนวโน้มเสียชีวิตมากกว่า
โมเดล life2vec เหนือกว่าวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ ถึง 11% นอกจากนี้ ยังแม่นยำขึ้นกับกลุ่มที่มีประวัติสุขภาพค่อนข้างมากในฐานข้อมูล และกับกลุ่มคนหนุ่มสาว และกับผู้หญิง
น่าสนใจที่นอกจากคาดการณ์การเสียชีวิต life2vec ยังทำนายลักษณะนิสัยของบุคคลได้ด้วย เช่น ความมั่นใจตัวเอง และความเข้ากับคนอื่น ได้โดยอาศัยจากข้อมูลในโมเดล แม้ life2vec ฟังดูน่ากลัวและเหลือเชื่อ แต่ทางทีมวิจัยเชื่อว่ามันจะมีผลกระทบต่อโลกทำงานจริง โดยเฉพาะในแวดวงประกันชีวิต .ปัจจุบัน life2vec ยังไม่พร้อมใช้งานจริง แต่ในอนาคต "เราสามารถทำนายอะไรก็ได้" ทางทีมวิจัยกล่าว
ที่มาbusinessinsider