กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.แถลงผลปฏิบัติการ ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam เฟส 2 หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ จากปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย
ประกอบด้วย นายรวน สัญชาติจีน ( สามี น.ส.จักรีณา กีกี้ แม็กซิม ผู้ต้องหาในคดีที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ) , น.ส.จ้าว สัญชาติจีน , น.ส.ลาวัลย์ และ น.ส.สาวิตรี
กลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันทุจริต หรือหลอกลวง โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจ บก.ปอท. ได้เปิดปฏิบัติการ Shut down one billion Hybrid Scam ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จับกุมกลุ่มคนร้ายใช้ Facebook ปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้ามาพูดคุยตีสนิท ก่อนหลอกลวงเงิน โดยการทำทีชักชวนให้มาร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จนสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล ซึ่งจากการสืบสวนพบมีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่หรือในลักษณะของรูปแบบองค์กรอาชญากรรม จากปฏิบัติการในครั้งแรกสามารถจับกุม ผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวจีน
และ ชาวไทย จำนวน 9 ราย ในจำนวนนี้มี น.ส.จักรีณา หรือ กีกี้ แม็กซิม อายุ 28 ปี นางแบบสาวชื่อดังรวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมครั้งแรกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ทำหน้าที่จัดหาและรวบรวมบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า , กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า รวมถึงผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงิน พร้อมกันนี้ยังได้ยึดทรัพย์สินต่างๆ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หลังปฏิบัติการครั้งแรก เจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนพบว่ากลุ่มคนร้ายมีรูปแบบการฟอกเงิน
โดยใช้วิธีการยักย้ายถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านหรู รวมถึงนำเงินไปลงทุนในธุรกิจเล้าจ์ ร้านอาหาร ในพื้นที่รัชดา ซอย 4 ซึ่งมี น.ส.จักรีณา ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เป็นเจ้าของ และยังพบชื่อของนายรวน สามีของกีกี้ เป็นผู้บริหาร มีมูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับและนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายอีกครั้งเป็นรอบที่ 2 ดังกล่าว จนสามารถจับกุม นายรวน , น.ส.จ้าว พี่สาวคนสนิทหัวหน้าองค์กร ที่คอยรับผลประโยชน์ และผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่บัญชีม้าอีก 2 คน รวมเป็น 4 คนได้ดังกล่าว
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหามาตรวจสอบถึงที่ไปที่มาของการได้มาอีกหลายรายการ ประกอบด้วย บ้านหรู จำนวน 2 หลัง มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท, เล้าจ์ มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท, รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด จำนวน 3 คัน, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนหลายรายการ และ สุราต่างประเทศ มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท
ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน ที่เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวน จนนำไปสู่การปฏิบัติการ ทวงคืนแผ่นดิน ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam (PIG BUTCHERING) ทั้ง 2 เฟสนั้น สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อทำการตรวจสอบ รวมมูลค่าแล้วกว่า 1,300 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านหรู จำนวน 19 หลัง , เล้าจ์ ร้านอาหาร มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท, รถยนต์หรู จำนวน 14 คัน, เงินสด รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท, สร้อยคอทองคำ กว่า 10 รายการ, นาฬิกาหรู และกระเป๋าแบรนเนมด์, คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนหลายรายการ และ สุราต่างประเทศ มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนั้น ทั้งหมดยังให้การภาคเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป