วันที่ 30 พ.ย.2566 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส เพื่อมายังพื้นที่บริเวณ บ้านหลังหนึ่ง ตรงข้ามวัดจอมสุดาราม แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ของ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. โดยเข้ายึดทรัพย์สิน เอกสาร พยานวัตถุต่างๆ ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการดำเนินการอายัด ซึ่งได้ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ ยึดอายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ ออกคำสั่งหลายคำสั่งตั้งแต่ 17 พ.ย. เรื่องบัญชีธนาคาร และ 21 พ.ย. คำสั่งเรื่องที่ดิน ล่าสุดเมื่อวานนี้(29 พ.ย.) ออกคำสั่ง ยึด และอายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบ อสังหาริมทรัพย์ ที่นายอุปกิต ได้แถลงในเอกสาร ป.ป.ช.อยู่แล้ว
เมื่อเช้าก็ไปที่บ้านด้วยตัวเอง และนายอุปกิต ก็ให้ความร่วมมือ มีการสอบถามพูดคุยว่ามาด้วยเรื่องอะไร ได้ชี้แจงว่ามาตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ม.68 วรรคสอง และ ม.78 ตนเป็นเลขาฯป.ป.ส. มีอำนาจหน้าที่ยึดและอายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราว เพื่อการตรวจสอบ คุณอุปกิตได้ให้ความร่วมมือ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ใช้หมาย แต่ใช้อำนาจ เลขาฯ ป.ป.ส. ที่ให้อำนาจในการที่ตนสั่งยึดและอายัดทรัพย์
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า การเข้าไปเนื่องจากนายอุปกิต ได้ถูกอัยการแจ้งข้อหา ฐานสมคบ สนับสนุน เมื่อวันที่ 2 พ.ย. และพนักงานสอบสวนก็ส่งหนังสือ ว่านายอุปกิต ถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด จึงต้องใช้อำนาจ สืบทรัพย์ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่ง นายอุปกิต แสดงบัญชีทรัพย์สิน กับป.ป.ช.อยู่แล้ว อันไหนที่เห็นว่าเป็นทรัพย์ที่น่าจะได้มาระหว่างที่มีคดี อย่างบ้าน เมื่อเช้า ก็เป็นทรัพย์มรดก ก็ไม่ได้อายัด หรือรถหลายคัน ที่สำแดงในบัญชีทรัพย์สิน หลายคันมาตั้งแต่ปี 2548 ก็ให้ความเป็นธรรม แต่ที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด
เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวถึงทรัพย์สินต่างๆว่า เบื้องต้นมีรถยนต์ 9 คัน ที่ไปคุยกัน พบว่า 4 คันขายไปแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าไปยึด เหลือ 5 คัน โดยรถยนต์มีเบนท์ลีย์ ที่กำลังนำเข้ามาที่ป.ป.ส. ขณะนี้นายอุปกิต พร้อมให้ยึด และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ที่แสดงกับป.ป.ช. ก็มีปืน นาฬิกา ที่ดิน บ้านพัก รวมแล้วในกทม. 5 จุด และต่างจังหวัดอีก 2 จุดคือ ระยอง และนครปฐม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยึดไปแล้ว
ส่วนที่ดินเปล่าต่างๆ ก็ต้องนำป้ายไปติดว่ายึดแล้ว รวมทรัพย์สินประมาณ 409 ล้านบาท ที่ออกคำสั่งไปตั้งแต่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นการยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ ทรัพย์สินต่างๆ ก็สำแดงในบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว